พวกเขาคือความแข็งแกร่ง พวกเขาคือแชมป์ฟุตบอลโลก 4 สมัย พวกเขาเทียบเคียงกับราชันลูกหนังอย่าบราซิลและขับเคี้ยวกันมาอย่างสูสีในช่วงเวลาหนึ่ง สื่อต่างๆ มองว่าพวกเขานี่แหละคือทีมที่จะทะลุเข้าไปในรอบชิงชนะเลิศของฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้ พวกเขาถูกมองว่ายังไงก็ต้องเป็นแชมป์กลุ่มในรอบแบ่งกลุ่ม แม้ว่าจะมีทีมอย่างสเปนหรือญี่ปุ่นอยู่ด้วยก็ตาม แต่ทุกอย่างมันไม่เป็นแบบนั้น พวกเขาพบกับความพ่ายแพ้ในนัดแรก อย่างไม่น่าเชื่อให้กับทัพซามูไร พวกเขาทำได้แค่เสมอทีมกะทิงดุสเปน ถึงแม้ว่านัดสุดท้ายพวกเขาจะสามารถเอาชนะคอสตาริก้าได้ และมีช่วงเวลบาที่พวกเขาจะได้เข้ารอบ แต่ทุกอย่างมันก็ยังไม่เพียงพอต่อพวกเขา มันเกิดอะไรขึ้นกับเยอรมัน นี่คือความผิดหวังหรือความผิดพลาดที่พวกเขาได้รับในฟุตบอลโลกสองวครั้งล่าสุด มันเกิดอะไรขึ้นกับแชมป์ฟุตบอลโลกที่บราซิล วันนี้เราจะพาย้อนไปดูเส้นทางของพวกเขากัน
ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยเป็นมหาอำนาจในวงการลูกหนัง โดยพวกเขาผงาดคว้าแชมป์โลกมาแล้วถึง 4 สมัย ในปี 1954, 1974, 1990 และ 2014 ก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่กาตาร์ เยอรมันคว้าแชมป์กลุ่ม J โซนยุโรป ด้วยผลงาน ligaz88 ลงสนาม 10 นัด ชนะ 9 แพ้ 1 เก็บ 27 แต้ม ซึ่งถือเป็นผลงานทีมยอดเยี่ยมอย่างมากของทัพอินทรีเหล็ก ภายใต้การคุมทีมของ ฮานซี่ ฟลิค ซึ่งเขานั้นเข้ามาทำหน้าที่แทน โยอาคิม เลิฟ หลักจากเยอรมันตกรอบในฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ซึ่งเลิฟนั้นคุมทีมชาติเยอรมันมายาวนานกว่า 15 ปี โดยสำหรับ ฟลิคนั้น มีผลงานโดดเด่นคือการพาบาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์บุนเดสลีกา 2 สมัย และแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย และเขายังทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยโค้ชในเยอรมันชุดแชมป์โลกอีกด้วย
ทีนี้เรามาดูขุมกำลังของเยอรมันชุดนี้กันบ้าง แน่นอนต้องนำมาด้วย ทางเข้า ligaz888 ดาวซัลโวในชุดมแชมป์โลกครั้งล่าสุดอย่าง โธมัส มุลเลอร์ และมานูเอล นอยเออร์ ซึ่งเยอรมันชุดนี้นักเตะส่วนใหญ่มากจากทัพบาเยิร์น มิวนิคกันทั้งนั้น ทั้งโจชัว คิมมิช, แซร์จ นาบรี้, จามาล มูเซียล่า, ลีออน กอเรตซ์ก้า, ลีรอย ซาเน่ เรียกได้ว่าเล่นเข้าขากันอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งเยอรมันชุดนี้ประกอบไปด้วยนักเตะตัวเก๋าและดาวรุ่งสดใหม่อยู่ด้วย
ที่นี้เรามาดูกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับทัพอินทรีเหล็ก แน่นอนในการแข่งขันนัดแรกพวกเขาต้องเจอกับซามูไรหนุ่ม อย่างญี่ปุ่น โดยเริ่มเกมมาเป็นอย่างที่ทุกคนพอจะคาดเดากันได้ ทัพเยอรมันเป็นฝ่ายครองเกมแทบทั้งหมดและพวกเขามีโอกาสทำประตูได้อยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ผ่านมือกาวของทัพซามูไร จนพวกเขามาได้ประตูขึ้นนำจากจุดโทษของกุนโดกันทำให้จบครึ่งแรกพวกเขานำอยู่หนึ่งลูก แต่ครึ่งหลังเหมือนหนังคนละม้วน ญี่ปุ่นกล้าที่จะเปิดเกมใส่และกดดัน จนนำมาซึ่ง 2 ประตูภายในเวลาเพียง 8 นาที ทำให้จบเกมเยอรมันเปิดหัวด้วยความพ่ายแพ้ นัดที่สองพวกเขาก็ทำได้เพียงเสมอกับทีมชาติสเปนไป 1-1 ซึ่งในนัดสุดท้ายพวกเขาต้องหวังให้สเปนเอาชนะญี่ปุ่นให้ได้ และเยอรมันเองก็ต้องเอาชนะคอสตาริก้าด้วยเช่นกัน โดยทุกคนมองว่า ณ เวลานี้ยังไงก็ยังเป็นเยอรมันและสเปนที่จะเข้ารอบ แต่มันก็เหมือนละคร สุดท้ายกลับเป็นญี่ปุนที่สามารถแซงเอาชนะสเปนขึ้นไปเป็นแชมป์กลุ่มได้ และทำให้เส้นทางในฟุตบอลโลกของทัพอินทรีเหล็กต้องจบลงเพียงเท่านี้